สถิติ
เปิดเมื่อ | 8/07/2013 |
อัพเดท | 2/10/2013 |
ผู้เข้าชม | 64561 |
แสดงหน้า | 77532 |
ปฎิทิน
|
Sun |
Mon |
Tue |
Wed |
Thu |
Fri |
Sat |
| | | | 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|


ประเพณีบุญบั้งไฟอำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการดำรงชีวิตของคนในอำเภอราษีไศล โดยได้มีการเรียนรู้ สืบทอดจากประสบการณ์จริง ประเพณีบุญบั้งไฟถือว่าเป็นภูมิปัญญาด้านศาสนา ประเพณี พิธีกรรม ความเชื่อและความสามัคคีของคนในท้องถิ่น โดยมีความเชื่อว่า ประเพณีบุญบั้งไฟเป็นประเพณีความเชื่อเกี่ยวกับการบูชาพญาแถน จะนำมาซึ่งความอุดมสมบูรณ์ ฝนตกต้องตามฤดูกาล พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ ชาวบ้านอยู่เย็นเป็นสุข
ประชาชนในอำเภอราษีไศล ได้สืบทอดประเพณี วัฒนธรรม ที่ยึดถือเป็นปฏิบัติเป็นประจำในระหว่างช่วงเดือนพฤษภาคมของทุกปี
จากเหตุผลดังกล่าวคณะผู้จัดทำเชื่อว่า ประเพณีบุญบั้งไฟเป็นประเพณีที่ควรได้รับการเก็บรวบรวมข้อมูลของภูมิปัญญาท้องถิ่นและนำเผยแพร่ อีกทั้งควรให้เยาวชนศึกษาและทราบความเป็นมาของภูมิปัญญา อันจะก่อให้เกิดความรัก ความหวงแหนในประเพณีท้องถิ่นของตน
พิธีกรรม
พิธีกรรมของอำเภอราษีไศล ประกอบด้วย
1. การประกวดขบวนแห่บั้งไฟสวยงาม
2. การประกวดขบวนรำเซิ้ง
3. การแข่งขันการจุดบั้งไฟขึ้นสูง
4. การแข่งขันจุดบั้งไฟแฟนซี ( บั้งไฟแสง สี เสียง )
5. การประกวดกองเชียร์บั้งไฟ ในวันแข่งขันจุดบั้งไฟขึ้นสูง
จุดเด่นของพิธีกรรม
จุดเด่นของประเพณีบุญบั้งไฟ คือ
1. วันแรก เป็นวันแห่บั้งไฟสวยงาม สามารถชมได้ที่ปะรำพิธีถนนใจกลางเมือง
2. วันที่สอง เป็นการจุดบั้งไฟขึ้นสูงที่สวนสาธารณพญาแถน
ช่วงเวลาในการจัดงาน
ประเพณีบุญบั้งไฟ จะจัดขึ้นในเดือนพฤษภาคมของทุกปี จะจัดงานอยู่ 2 วันคือในวันศุกร์และวันเสาร์ของเดือน
รูปแบบงานบุญบั้งไฟ
1. วันแรกเริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 10.00 น. เป็นขบวนแห่บั้งไฟสวยงามไปตามถนนสายหลักใจกลางเมือง โดยชาวบ้านจากคุ้มต่างๆจะนำบั้งไฟขึ้นขบวนรถที่ตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงามเป็นลวดลายไทยงามวิจิตร นำแห่ด้วยขบวนรำประกอบดนตรีพื้นเมือง ซึ่งบนขบวนรถบางขบวนจะเป็นธิดาบั้งไฟและเทพบุตรเทพธิดาตัวน้อย ๆหรือการจำลองเรื่องราวจากนิยายพื้นบ้านปรัมปรา เช่น เรื่องท้าวผาแดงกับนางไอ่ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีขบวนประเภทเนื้อหาสาระและตลกขบขันต่างๆที่เปิดโอกาสให้ชาวเมืองที่ต่างอายุกันได้มีโอกาสเข้าร่วมงานและมาประกวดประชันกันอย่างสนุกสนาน
2. วันที่สองเป็นการประกวดการจุดบั้งไฟ มีการประกวดบั้งไฟขึ้นสูงและบั้งไฟแฟนซีต่าง ๆ ในขณะที่ชาวบ้านชาวคุ้มต่างๆก็จะยกขบวนออกร้องรำทำเพลงกันตลอดทั้งวันอย่างสนุกสนาน
การเซิ้งบั้งไฟ
การเซิ้งบั้งไฟ เป็นการขับร้องเป็นกาพย์ เป็นกลอน ประกอบด้วยเครื่องดนตรี พวกกลอง แคน ฉิ่ง เป็นหมู่คณะเพื่อความสนุกสนาน
1) พวกเซิ้งธรรมะ เป็นพวกที่เรียบร้อย เป็นคณะและมีผู้กล่าวนำ มีการฟ้อนแบบต่างๆตามที่หัวหน้าคณะจะสั่งกาพย์เซิ้งก็เป็นคติธรรมสอนใจไปด้วย
2) พวกเซิ้งกินเหล้า เป็นพวกคอสุรา ไม่มีขบวนจับกลุ่มกันเล่นเซิ้งไม่เป็นระเบียบ กาพย์ก็ตลกโปกฮามีทั้งคำสุภาพ คำหยาบ(แต่ก็ไม่ถือว่าเสียหาย)
3) พวกเซิ้งขอเงิน เป็นพวกที่ไม่อยู่ในอันดับคือ ไม่มีบท ไม่มีทำนองกลุ่มละ 4 - 5 คน ตีกลอง ตีปี๊บเคาะไม้แล้วแต่นึกออก พวกหลังนี้เล่นเพื่อขอเงินเท่านั้นเองเพราะประเพณีนี้มีการเซิ้งขอสุรา ขอขนม ขอเงินซื้อสุราก็เลยตั้งคณะขึ้นขอบ้าง ส่วนมากเป็นพวกวัยรุ่นและเด็กเล็ก
การแห่บั้งไฟ
การแห่บั้งไฟจะกำหนดไว้ 2 วันคือ วันสุกดิบและวันจุดบั้งไฟ ในวันสุกดิบคณะเซิ้งบั้งไฟแต่ละคุ้ม แต่ละคณะจะนำบั้งไฟของตนพร้อมด้วยขบวนแห่มายังหมู่บ้านที่แจ้งฎีกา โดยจะแห่ไปรวมกันที่วัดและที่วัดจะมีการทำบุญและเลี้ยงแขก ผู้ที่มีหน้าที่ต้อนรับจะปลูกกระท่อมเล็ก เรียกว่า 'ผาม' ขึ้นตามลานวัดเพื่อเป็นที่จุดบั้งไฟและเป็นที่รับแขกที่จะมาประชุมกัน ทุกๆคนที่มาร่วมงานกันล้วนแต่งกายอย่างสวยงามทั้งหญิงและชาย โดยเฉพาะสาวๆถ้าสาวบ้านไหนไม่ไปเท่ากับผู้เฒ่าผู้แก่บ้านนั้นไม่ยินดีร่วมทำบุญและไม่ร่วมมือ ถ้าพ่อแม่ขัดข้องโดยไม่มีเหตุจำเป็นจะเป็นบาป เมื่อตายแล้วจะต้องตกนรกแสนกัปแสนกัลป์และเป็นเหตุให้บ้านเมืองเดือดร้อน ฟ้าฝนไม่อุดมสมบูรณ์ ทำไร่ทำนาไม่ได้ผล ปัจจุบันอำเภอราษีไศลได้จัดให้บั้งไฟคณะต่างๆไปทำพิธีบวงสรวงคารวะเจ้าปู่เจ้าพ่อหลักเมืองแล้วแต่ละคุ้มจะรำ เซิ้งเพื่อขอบริจาคไปตามสถานที่ต่างๆได้
วันแห่บั้งไฟตอนเช้ามีการถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ที่ศาลาการเปรียญและรับผ้าป่า จากนั้นนำขบวนแห่ไปคารวะมเหศักดิ์หลักเมือง เจ้าพ่อปู่ตาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้านแล้วขบวนแห่บั้งไฟทุกคณะไปตั้งแถวตามถนนแล้วแห่ไปตามเส้นทางที่คณะกรรมการจัดการกำหนดไว้ในขบวนแห่ บั้งไฟที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ขบวนฟ้อนรำที่เรียกว่า เซิ้งบั้งไฟ จะนำขบวนไปด้วยโดยบั้งไฟแต่ละขบวนจะประกอบด้วย ขบวนเซิ้งนำหน้าขบวนแสดงความเป็นอยู่ (อาชี) ตลกขบขัน
ในวันจุดบั้งไฟ ตอนเช้ามีการทำบุญเลี้ยงพระ ตักบาตรถวายภัตตาหาร เลี้ยงดูญาติโยมแล้วแห่บั้งไฟไปรอบพระอุโบสถเพื่อถวายแด่เทพารักษ์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แล้วนำบั้งไฟออกไปที่จัดไว้สำหรับ จุดบั้งไฟ การจุดบั้งไฟจะจุดบั้งไฟเสี่ยงทายก่อนเพื่อเป็นการเสี่ยงทายว่า พืชผลทางการเกษตรประจำปี จะดีเลวหรือไม่ คือ
1) ถ้าบั้งไฟที่เสี่ยงทายจุดไม่ขึ้น (ชุติดค้าง) ก็ทายว่าน้ำประจำปีจะมากและทำให้ไร่ที่ลุ่ม เสียหาย
2) ถ้าจุดแล้วขึ้นไประเบิดแตกกลางอากาศ ทายว่าแผ่นดินจะเกิดความแห้งแล้ง
3) ถ้าบั้งไฟจุดขึ้นสวยงามและสูง ชาวบ้านจะเปล่งเสียงไชโยตลอดทั้งบริเวณลาน เพราะมีความเชื่อว่าข้าวกล้าและพืชไร่ในท้องทุ่งจะได้ผลบริบูรณ์
หลังจากลำเสี่ยงทายแล้วก็จะทำการจุดบั้งไฟเสียง หลังจากนั้นก็จะจุดบั้งไฟที่นำมาแข่งขัน บั้งไฟหมื่นและบั้งไฟแสน การจุดชนวนใช้เวลาไม่กี่นาทีบั้งไฟก็จะพุ่งไปในอากาศ การขึ้นของบั้งไฟจะมีเสียงดังวี้ดคล้ายคนเป่านกหวีดหรือเป่ากระบอก ส่วนบั้งไฟแข่งขันจะจุดหลังบั้งไฟเสียงการจุดบั้งไฟแข่งขัน ถ้าบั้งไฟของคณะใดขึ้นสูงก็เป็นผู้ชนะ ถ้าขึ้นสูงมากก็จะโห่ร้องยินดี กระโดดโลดเต้นกันอย่างเต็มที่และจะแบกช่างทำบั้งไฟเดินไปมา แต่ถ้าบั้งไฟของคณะใดไม่ขึ้นหรือแตกเสียก่อนช่างบั้งไฟจะถูกโยนลงโคลนตมไม่ว่าบั้งไฟจะขึ้นหรือไม่ขึ้นก็ตามก็จะจับโยนทั้งนั้น การจุดบั้งไฟช่างทำบั้งไฟจะเป็นคนจุดเองหรือบางทีคนในคณะบั้งไฟของตนที่มีความชำนาญจะเป็นคนจุด กรรมการจะจับเวลาว่าใครขึ้นสูงกว่ากัน การจุดบั้งไฟนี้น่ากลัวมาก บางบั้งก็แตก บางบั้งก็ขึ้นสูง ในวันจุดบั้งไฟนี้ประชาชนพากันมามุงดูอย่างคับคั่งนั่งอยู่ตามร่มไม้เป็นกลุ่มๆ หลังจากจุดเสร็จแล้วจะมอบรางวัลให้กับบั้งไฟที่ขึ้นสูงตามลำดับที่ 1 – 3 จากนั้นคณะเซิ้งพากันเซิ้งกลับไปบ้านของตนหรือบ้านช่างทำบั้งไฟ
การนำรอยไฟ (การนำฮอยไฟ) หมายถึง การเล่นสนุกหลังจากจุดบั้งไฟแล้วมีการตามช่างและชาวบ้านที่เป็นเจ้าบ้านไปดื่มเหล้าและเล่นสนุกสนานกันอีก การตามรอยไฟจะเป็นสู่ขวัญให้ช่างทำบั้งไฟด้วย คือ เริ่มแรกอาราธนาสู่ขวัญเพื่อทำขวัญช่าง เมื่ออาราธนาเสร็จแล้วหมอก็เริ่มการสู่ขวัญบ้านที่ทำการสู่ขวัญเป็นบ้านช่างทำบั้งไฟ ทุกคนในบ้านจะออกมานั่งรับการสู่ขวัญ หมอสู่ขวัญนำคำสู่ขวัญที่ดีๆมาสู่ เมื่อเสร็จแล้วมีการผูกแขนเพื่อเป็นมงคลหลังจากสู่ขวัญและผูกแขนช่างทำบั้งไฟแล้วก็รับประทานอาหารกันอย่างสนุกสนาน การนำรอยไฟปฏิบัติกันทั่วไป ซึ่งปัจจุบันปฏิบัติกันน้อยลง และจะมีการเซิ้งตามรอยไฟคือ เป็นการเซิ้งเพื่อเยี่ยมเยียนตามบ้านเรือนชาวบ้านจนถึงค่ำจึงเลิกรากันไป โดยเนื้อความของกาพย์เซิ้งจะเป็นการขอเหล้าสาโทดื่มฉลองและจะมีการกล่าวขอบคุณและให้ศีลให้พร
ประเพณีบุญบั้งไฟกับชีวิตของชาวอีสานจึงมีความผูกพันกันอย่างเหนียวแน่น ชาวอีสานจะจัดทำบุญบั้งไฟกันอย่างเอิกเกริก ยิ่งปีใดฝนแล้งจะต้องทำเป็นกรณีพิเศษ นอกจากนี้ยังถือเป็นการทำบุญประกอบคุณงามความดีตามความเชื่อถือที่มีมาแต่โบราณกาล เช่น มีงานบวชนาค งานสรงน้ำพระพุทธรูป งานถือน้ำพิพัฒน์ต่อหน้าพระพุทธรูป กล่าวได้ว่าชาวอีสานใช้บั้งไฟเป็นสื่อในการให้ประชาชนทำบุญ เป็นสื่อในการติดต่อระหว่างมนุษย์กับพญาแถน บั้งไฟจึงมีความเกี่ยวพันกับชีวิตของคนอีสานในฐานะเป็นเครื่องมือของพิธีขอฝนเพื่อให้ตกต้องตามฤดูกาล นอกจากนี้ประเพณีบุญบั้งไฟยังเปิดโอกาสให้ชาวบ้านจากหมู่บ้านและตำบลต่างๆได้มาช่วยกันทำบุญบั้งไฟมาร่วมกันสนุกสนานเป็นการรวมพลังประชาชนให้มาทำกิจกรรมร่วมกัน ฝึกให้รักและสามัคคีกันได้เป็นอย่างดี
การแข่งขันการจุดบั้งไฟ
ในการแข่งขันจุดบั้งไฟจะมีการจุดบั้งไฟเสี่ยงทายก่อนแล้วค่อยจุดบั้งไฟที่จะทำการแข่งขัน การจุดบั้งไฟจะจุดขึ้นทีละบั้ง แล้วกรรมการดูการจุดของแต่ละบั้งไฟ
หลักเกณฑ์ในการตัดสิน
เกณฑ์การตัดสิน จะดูที่ความสูงของบั้งไฟที่ยิงขึ้น ถ้าบั้งไฟของหมู่บ้านใดขึ้นสูงที่สุดจะเป็นผู้ชนะ โดยการตัดสินจะวัดดูจากการขึ้นของบั้งไฟที่สูงเหนือเมฆและลงมาจนหัวบั้งไฟพ้นจากก้อนเมฆแต่ถ้าบั้งไฟของหมู่บ้านใดยิงไม่ขึ้นหรือยิงขึ้นแต่ไม่สูงจะไม่ได้รางวัลและถูกลงโทษ ด้วยการนำคนทำบั้งไฟโยนลงโคลน
|
|
|
|
|
|